สิทธิผู้สูงอายุรักษาฟรี

ผู้สูงอายุ ใช้สิทธิบัตรทอง ทำอะไรได้บ้าง? สมัครยังไง?

“บัตรทอง” หรือ “บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า” เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการรักษาพยาบาลของคนไทย ให้สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นสิทธิที่ใช้ได้ตลอดชีวิต และใช้ได้ทุกช่วงอายุ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยชรา โดยบัตรทองได้ช่วยดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ด้วยการมอบสิทธิการรักษาที่ครอบคลุมโรคต่าง ๆ และสิทธิประโยชน์ที่ช่วยเสริมสร้างการมีสุขภาพที่ดี

Link ที่เกี่ยวข้อง

ผู้สูงอายุใช้สิทธิบัตรทองได้รับบริการพิเศษ อะไรบ้าง

สิทธิประโยชน์จากบัตรทองเป็นสิทธิที่จะได้รับเหมือนกันทุกคน แต่สำหรับผู้สูงอายุจะมีสิทธิที่จะได้รับบริการพิเศษที่นอกเหนือจาการรักษาพยาบาลทั่วไป ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ที่มีให้เฉพาะผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้แก่

  • บริการฉีดวัคซีนคอตีบและบาดทะยัก
  • วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (ผ้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรัง หรืออายุ 65 ปีขึ้นไป)
  • การตรวจและวัดดัชนีมวลกาย
  • การวัดความดันโลหิต
  • การตรวจเลือดคัดกรองเบาหวาน
  • ตรวจการติดเชื้อเอชไอวี
  • การคัดกรองปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • การคัดกรองปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
  • การคัดกรองโรคซึมเศร้า
  • การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • การคัดกรองรอยโรคเสี่ยงมะเร็งหรือมะเร็งช่องปาก
  • การให้ความรู้ออกกำลังกาย
  • ฝึกสมองป้องกันโรคสมองเสื่อม
  • การให้ความรู้ตรวจเต้านมด้วยตนเอง
  • การตรวจประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน (ADL)

ความช่วยเหลือจากบัตรทองเพิ่มเติมสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะติดเตียง

สำหรับผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ความช่วยเหลือเพิ่มเติมที่ผู้สูงอายุจะได้รับจากบัตรทอง คือ ผู้สูงอายุสามารถขอรับสิทธิรักษาพยาบาลเพื่อขอฟื้นฟูสมรรถภาพได้ ซึ่งจะเป็นการให้บริการถึงที่บ้าน โดยเป็นการช่วยอำนวยความสะดวก ดังต่อไปนี้

  1. มีทีมหมอครอบครัว (ทีมจากสาธารณะสุข) ไปช่วยดูแล และเยี่ยมบ้าน
  2. ดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุก่อนเจ็บป่วย โดยเข้ารับบริการที่หน่วยบริการประจำตามสิทธิใกล้บ้าน
  3. ช่วยส่งต่อไปรักษาในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ด้วยระบบการส่งต่ออย่างครบวงจร
  4. ช่วยผู้สูงอายุเปลี่ยนหน่วยบริการสิทธิบัตรทอง ได้ 4 ครั้ง/ปี

การสมัครใช้สิทธิบัตรทอง สำหรับผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุที่เคยมีสิทธิประกันสังคม ถ้าต้องการออกจากสมาชิกภาพประกันสังคมตามมาตรา 33 เพื่อรับเงินบำนาญชราภาพ ส่วนการรักษาพยาบาลจะใช้สิทธิบัตรทองในการรักษาพยาบาล ทำได้ดังนี้

  1. หลังจากที่นายจ้างได้แจ้งการลาออกจากงาน หรือ เกษียณอายุของผู้ประกันตน ต่อสำนักงานประกันสังคมแล้ว ผู้ประกันตนยังสามารถใช้สิทธิประกันสังคมในการรักษาพยาบาลได้อีก 6 เดือน
  2. เมื่อครบ 6 เดือนนับจากวันที่ลาออกจากผู้ประกันตน หรือเกษียณ ซึ่งสามารถสมัครใช้สิทธิบัตรทองได้ในช่วงนี้

เอกสารที่ผู้สูงอายุเตรียมเพื่อสมัคร “สิทธิบัตรทอง”

ผู้สูงอายุสามารถสมัครใช้สิทธิ “บัตรทอง” ได้โดยเตรียมเอกสารไปสมัครได้ทุกช่องทาง ได้ตามขั้นตอนดังนี้

  1. เตรียมเอกสาร
    • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ถ้าผู้ทำบัตรทองเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้สูติบัตร)
    • สำเนาทะเบียนบ้าน
  2. กรณีที่อยู่ไม่ตรงกับทะเบียนบ้าน ใช้เอกสารเพิ่ม 2 อย่าง ได้แก่
    • สำเนาทะเบียนบ้านที่ไปพักอาศัย
    • หนังสือรับรองของเจ้าบ้าน หรือหนังสือรับรองของผู้นำชุมชนว่าได้ไปพักอยู่อาศัยจริง

ทําบัตรทองที่ไหนได้บ้าง

  • ผู้สูงอายุที่อาศัยในกรุงเทพมหานคร สามารถไปยื่นเอกสาร สมัครบัตรทอง ได้ที่สำนักงานเขต
  • ผู้สูงอายุที่อาศัยในต่างจังหวัด สามารถไปสมัครได้ที่ รพ.สต. ใกล้บ้าน
  • สมัครผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน สปสช.

ขั้นตอนการสมัครบัตรทองออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน สปสช. ผู้สมัครต้องเตรียมบัตรประชาชน และดาวน์โหลดแอปฯ โดยพิมพ์คำว่า “สปสช” ใน Google Play หรือ App Store คลิกที่นี่

สิทธิรักษาพยาบาลบัตรทอง นอกจากดูแลประชาชนทุกคนตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิตแล้ว ยังเพิ่มสิทธิการรักษาเฉพาะผู้สูงอายุให้ได้รับการดูแลมากที่สุด โดยเฉพาะปัจจุบันที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้มีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นในทุกพื้นที่ ดังนั้นผู้สูงอายุสามารถตรวจสอบการช่วยเหลือเพิ่มเติมของบัตรทอง เพื่อรับรักษาพยาบาล ส่งเสริมและฟื้นฟูให้มีสุขภาพที่ดีกันถ้วนหน้าได้

Link ที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

คุณให้คะแนนบทความนี้เท่าไหร่

Sending

ขอบคุณสำหรับคะแนน
ต้องการแนะนำเพิ่มเติมหรือไม่ ?

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ

แชร์ข้อมูลหรือคำแนะนำเพิ่มเติม ?

ความเห็นของคุณสำคัญกับเรา เพื่อปรับปรุงคุณภาพบทความ ให้มีประโยชน์กับทุกๆคนมากขึ้น
Sending

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สพร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สพร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ สพร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ สพร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ สพร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ สพร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของ สพร. จดจำตัวเลือกต่าง ๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วยให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ เช่น ช่วยจดจำชื่อบัญชีผู้ใช้งานของท่าน หรือจดจำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าขนาดฟอนต์หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ของหน้าเพจซึ่งท่านสามารถปรับแต่งได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ สพร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ สพร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า