ข้าราชการที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการหรือ กบข. จะได้รับเงินคืนเมื่อไหร่ มีเงื่อนไขอย่างไร แบบไหนถือว่าพ้นสภาพสมาชิก รวมถึงกรณีเสียชีวิตก่อนเกษียณจะได้เงินชดเชยจากกองทุน กบข. จำนวนเท่าไหร่ และมีช่องทางรับเงินทางไหนบ้าง มีคำตอบมาให้แล้วในบทความนี้
Link ที่เกี่ยวข้อง
สมาชิกรับเงิน กบข.ได้เมื่อไหร่?
แบบใดบ้างที่หมายถึงพ้นสภาพสมาชิก
- ลาออกเอง
- ให้ออกตามเงื่อนไข
- ถูกคำสั่งให้ออก
- ไล่ออก
- ปลดออก
- เกษียณอายุ
- ทุพพลภาพ หรือตำแหน่งถูกทดแทน
- เสียชีวิต
- เสียชีวิตปกติ
- เสียชีวิตจากความผิดร้ายแรง (ถูกลงโทษ)
- เสียชีวิตก่อนได้รับบำนาญ
- ออกรับเบี้ยหวัด ซึ่งเป็นสิทธิเฉพาะสมาชิกที่เป็นข้าราชการทหารปลดประจำการ
เงินกองทุน กบข.มีอะไรบ้าง?
- เงินสะสม เป็นเงินที่สมาชิกเลือกสะสมจากเงินเดือนทุกเดือนเข้ากองทุน กบข. แบบอัตโนมัติ ขั้นต่ำ 3% ของเงินเดือน แต่ถ้าอยากออมเงินเพิ่มสามารถให้หักเงินเดือนมากกว่า 3% ได้แต่ต้องไม่เกิน 15% ของเงินเดือน
- เงินสมทบ คือ เงินที่รัฐสมทบให้สมาชิก 3% ของเงินเดือนทุกเดือนเช่นกัน โดยรัฐจะไม่มีการเพิ่มเงินสมทบเหมือนกรณีเงินสะสมที่สามารถเพิ่มอัตราเงินสะสมได้
- เงินประเดิม คือ เงินที่รัฐจ่ายให้เฉพาะสมาชิกที่รับราชการก่อนวันที่ 27 มี.ค.2540 โดย กบข.จะจ่ายเงินก้อนนี้เมื่อสมาชิกพ้นสภาพและเลือกรับเป็นบำนาญเท่านั้น
- เงินชดเชย คือ เงินที่รัฐให้สมาชิกชดเชยสูตรบำนาญที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นอัตรา 2% ของเงินเดือนสมาชิกทุกเดือน โดย กบข. จะจ่ายเมื่อสมาชิกพ้นสภาพและเลือกรับบำนาญ
- ผลประโยชน์จากเงินกองทุน คือ ผลตอบแทนหรือดอกผลสูงสุดที่ กบข. นำเงินสมาชิกไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และเงินฝากธนาคารเป็นต้น
ประเมินและคำนวณเงินที่ต้องใช้ในวัยเกษียณ
- กำหนดอายุที่จะเกษียณ เพื่อจะได้รู้ว่ามีเวลาเตรียมเงินนานเท่าไหร่
- คาดการณ์ช่วงเวลาที่จะใช้ชีวิตหลังวัย 60 ปี เช่น 20 ปี เพื่อให้รู้ว่าต้องใช้เงินไปอีกสักกี่ปี รวมถึงประเมินสุขภาพร่างกายตัวเองด้วย
- คาดการณ์ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน โดยต้องไม่ลืมเรื่องมูลค่าของเงิน (เงินเฟ้อ) จากนั้นให้คำนวณเงินเป็นรายปีตามช่วงอายุหลังเกษียณ
- คาดการณ์ว่าจะมีเงินออมไว้ใช้เท่าไหร่ โดยคำนวณจากแหล่งเงินออมต่าง ๆ ที่มี เช่น เงินบำเหน็จบำนาญ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินกองทุนประกันสังคม ประกันชีวิต เงินฝากอื่น ๆ
- คำนวณเงินออมที่มี เทียบกับเงินที่จะใช้หลังเกษียณ หากมีเงินไม่มากพอ ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย เช่น ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือลงทุนออมเงินเพิ่ม เช่น การลงทุนพันธบัตร หุ้นกู้ และกองทุนต่างๆ
เช็กยอดเงิน กบข.ได้อย่างไรบ้าง?
การเช็กยอดเงิน กบข.
- แอปพลิเคชัน My GPF
- เว็บไซต์ gpf.or.th
- Line @gpfcommunity
- Contact Center โทร 1179
วิธีคำนวณยอดเงิน กบข. เมื่อเกษียณ/พ้นสภาพ ทำอย่างไร?
กรมบัญชีกลาง + กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
เดือนสุดท้าย |
(รวม วันทวีคูณ*) |
(+ดอกผล) |
(+ดอกผล) |
(+ดอกผล) |
* วันทวีคูณ คือ เวลาราชการชนิดหนึ่ง ซึ่งได้มาจากการไปทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยวันที่ได้สามารถนำไปรวมกับเวลาราชการปกติให้เพิ่มทวีคูณขึ้น เพื่อใช้คำนวณเงิน เบี้ยหวัด หรือบำเหน็จบำนาญ
* ดอกผล คือ ดอกเบี้ย เงินปันผล หรือผลประโยชน์อื่น ๆ ที่งอกเงยขึ้นจากเงินต้น
นาง A ทำงานมีอายุราชการ 30 ปี ได้รับเงินเดือน เดือนสุดท้าย 40,000 บาท เมื่อเกษียณอายุจะได้รับเงินจากกองทุน กบข. โดยคำนวณตามสูตร
จากนั้น ให้นำเงินบำเหน็จที่ได้ มารวมกับ เงินออมที่ได้จากกองทุน กบข. ก็จะเป็นจำนวนเงินที่จะได้รับเมื่อเกษียณ
2. กรณีรับบำนาญ คำนวณจากเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (แต่บำนาญต้องไม่เกิน 70% ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย) แล้วนำมารวมกับเงินออม กบข. ได้แก่ เงินสะสม(ดอกผล) เงินออมเพิ่ม (ถ้ามี) เงินสมทบ เงินประเดิม (เฉพาะสมาชิกก่อน 27 มี.ค.2540) และเงินชดเชย (เฉพาะคนที่ลือกรับบำนาญ) โดยใช้สูตรการคำนวณ ดังนี้
เดือนสุดท้าย |
(รวม วันทวีคูณ*) |
(+ดอกผล) |
(+ดอกผล) |
(+ดอกผล) |
(+ดอกผล) |
(+ดอกผล) |
|||||||||||
* วันทวีคูณ คือ เวลาราชการชนิดหนึ่ง ซึ่งได้มาจากการไปทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยวันที่ได้สามารถนำไปรวมกับเวลาราชการปกติให้เพิ่มทวีคูณขึ้น เพื่อใช้คำนวณเงิน เบี้ยหวัด หรือบำเหน็จบำนาญ
นาย B ทำงานมีอายุราชการ 25 ปี มีเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย 30,000 บาท เมื่อเกษียณอายุจะได้รับเงินจากกองทุน กบข. โดยคำนวณตามสูตร
จะรับเงิน กบข.ได้อย่างไร?
เมื่อพ้นสภาพสมาชิก ขอรับเงินแบบไหนได้บ้าง
- ขอรับเงินเป็นก้อนครั้งเดียวทั้งหมด
- ขอย้ายโอนเงินสะสมจาก กบข. ไปยังกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเกษียณ หรือชราภาพ
- ฝากให้กองทุน กบข. ช่วยบริหารเงินต่อไป เพื่อหาผลประโยชน์เพิ่มเติม
เอกสารหลักฐาน “กรณีต่าง ๆ” สำหรับขอรับเงิน
กรณีพ้นสภาพสมาชิก
เมื่อสมาชิก กบข. พ้นสภาพสมาชิกสามารถไปยื่นขอรับเงินออมทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง โดยต้องมีเอกสารหลักฐานที่นำไปด้วยได้แก่
- แบบฟอร์ม กบข. รง 008/1/2555 (ขอจาก กบข.)
- สำเนาหนังสือ หรือ ประกาศออกจากราชการ
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร (กรณีเลือกโอนเงินเข้าบัญชี)
- สำเนาแนบหนังสือสั่งจ่ายบำนาญ(กรณีรับบำนาญ)
กรณีสมาชิกโอนย้ายตำแหน่งไปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะใช้เอกสารรับเงิน คือ
เมื่อสมาชิก กบข. พ้นสภาพสมาชิกสามารถไปยื่นขอรับเงินออมทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง โดยต้องมีเอกสารหลักฐานที่นำไปด้วยได้แก่
- แบบฟอร์ม กบข. รง 008/1/2555
- สำเนาคำสั่งหรือประกาศออกจากราชการ
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร (กรณีเลือกโอนเงินเข้าบัญชี)
- สำเนาใบแนบหนังสือสั่งจ่ายบำนาญ (กรณีเลือกรับบำนาญ)
- สำเนาคำสั่งโอนไปส่วนท้องถิ่น
- สำเนาคำนวณแบบ บ.ท.4 (กรณีเลือกรับบำนาญ)
- สมุดประวัติ/ กพ. 7 ฉบับจริง (กรณีเลือกรับบำนาญ)
กรณีสมาชิกเสียชีวิต ผู้จัดการมรดกเป็นผู้ยื่นแทน
เมื่อสมาชิก กบข. พ้นสภาพสมาชิกสามารถไปยื่นขอรับเงินออมทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง โดยต้องมีเอกสารหลักฐานที่นำไปด้วยได้แก่
- แบบฟอร์ม กบข. รง 008/2/2562 (ขอจาก กบข.)
- สำเนาคำสั่งศาลตั้งผู้จัดการมรดก
- สำเนาใบมรณบัตร
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ของผู้จัดการมรดก (กรณีเลือกโอนเงิน)
- เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี)
กรณีสมาชิกเสียชีวิต ทายาทโดยธรรมเป็นผู้ยื่นแทน
เมื่อสมาชิก กบข. พ้นสภาพสมาชิกสามารถไปยื่นขอรับเงินออมทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง โดยต้องมีเอกสารหลักฐานที่นำไปด้วยได้แก่
- แบบฟอร์ม กบข. รง 008/2/2562 (ขอจาก กบข.)
- แบบ ป.ค. 14 ของทายาททุกราย
- สำเนาใบมรณบัตร
- สำเนาทะเบียนสมรส (กรณีสมาชิกมีคู่สมรส)
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารของทายาท (กรณีเลือกโอนเงิน)
- เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี)
ช่องทางการยื่นเอกสารขอรับเงินออมจาก กบข.
การขอรับเงินออม กบข. ของสมาชิกที่พ้นสภาพแล้ว สามารถยื่นขอรับเงินได้ 2 ช่องทาง คือ
- แจ้งความประสงค์ผ่านระบบ e-Filing
- แจ้งความประสงค์ผ่านต้นสังกัดของสมาชิก พร้อมกรอกแบบฟอร์ม กบข. รง 008/1/2555
โดย กบข. จะจ่ายเงินคืนให้สมาชิกได้ภายใน 7 วัน หลังจากได้รับเอกสารและตรวจสอบข้อมูลถูกต้อง โดยจะจ่ายเป็นเช็คขีดคร่อม ธนาณัติ หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารตามที่สมาชิกเลือกรับ
ทั้งนี้ ทุกครั้งที่ กบข. จ่ายเงินคืนจะมีการแจ้งข้อความทาง SMS ให้สมาชิกตามหมายเลขโทรศัพท์ของสมาชิกที่แจ้งไว้ หรือส่งจดหมายแจ้งการจ่ายเงินคืนให้สมาชิกหรือทายาท
หลังเกษียณอยากออมเงินต่อกับ กบข. ได้หรือไม่?
สมาชิกที่เกษียณอายุแล้ว สามารถออมเงินต่อได้ โดยแจ้งความประสงค์กับกองทุน กบข.ว่าจะออมเงินต่อตามแผนการลงทุนสุดท้ายที่สมาชิกเคยเลือกไว้ก่อนพ้นสภาพ โดยผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการออมเงินต่อสามารถเปลี่ยนไปตามผลดำเนินงานของ กบข. และภาวะเศรษฐกิจ โดยบริการออมต่อ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้สมาชิกที่ออกจากราชการมีโอกาสเลือกจัดการเงินโดยให้ กบข. ช่วยบริหารเงินต่อ หรือทยอยรับเงินใน 4 รูปแบบคือ
- ออมต่อทั้งจำนวน สมาชิกแจ้งให้กบข. บริหารเงินที่ได้รับหลังออกจากราชการทั้งก้อนหรือถ้าอยากใช้เงินก็แจ้งขอรับเงินคืนได้ แต่ต้องมียอดเงินในบัญชีไม่ต่ำกว่า 35,000 บาท ณ วันที่แจ้งว่าจะออมต่อ
- ทยอยรับเงินเป็นงวด สมาชิกแจ้งขอทยอยรับเงินคืนเป็นงวด ๆ รายเดือน 3 เดือน 6 เดือน หรือรายปี งวดละไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท และยังได้รับผลประโยชน์จากเงินส่วนที่ กบข. ยังบริหารให้อยู่ แต่ต้องมียอดเงินในบัญชีไม่ต่ำกว่า 35,000 บาท
- สมาชิกรับเงินบางส่วนไปก่อน ส่วนที่เหลือให้ กบข.บริหารต่อ โดยสมาชิกต้องมีเงินในบัญชีไม่ต่ำกว่า 35,000 บาท
- รับเงินบางส่วนและทยอยรับส่วนที่เหลือเป็นงวด ๆ รับเป็นรายเดือน 3 เดือน 6 เดือน และรายปี งวดละไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท โดยต้องมีเงินในบัญชีไม่ต่ำกว่า 35,000 บาท
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการออมเงินในรูแบบต่าง ๆ ได้ทีนี่
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการหรือ กบข. คือ การปรับระบบบำเหน็จบำนาญข้าราชการมาเป็นระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยเป็นแนวทางที่รัฐบาลส่งเสริมให้ข้าราชการออมเงินไว้ใช้หลังเกษียณ และให้ประโยชน์ตอบแทนแก่ข้าราชการเมื่อออกจากราชการ พร้อมทั้งจัดสรรสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ให้แก่สมาชิกอีกด้วย