สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการขับรถ คือ “ใบอนุญาตขับรถ” หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า “ใบขับขี่” และใบขับขี่ที่เรากำลังจะพูดถึงก็คือ ใบขับขี่ส่วนบุคคล ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญสำหรับคนขับรถ เพื่อใช้ยืนยันว่าได้รับอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ได้ตามกฎหมาย คนขับรถที่ไม่มีใบขับขี่ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย
หากกำลังมองหาขั้นตอนของการทำใบขับขี่ และการต่ออายุใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจ ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมตัว เอกสารที่ต้องใช้ และจุดบริการในการทำใบขับขี่
Link ที่เกี่ยวข้อง
เรื่องควรรู้ก่อนทำใบขับขี่
ใบขับขี่ คืออะไร
ใบขับขี่ คือ เอกสารสำคัญสำหรับผู้ใช้รถบนท้องถนน ว่าสามารถใช้งานรถอะไรได้บ้างตามที่กฎหมายกำหนด เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถรับจ้าง เป็นต้น ถือเป็นใบอนุญาตเพื่อให้ขับขี่บนท้องถนนตามที่ได้รับอนุญาต หากไม่มีใบอนุญาตขับขี่ จะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดตามกฎหมาย มีโทษทางแพ่ง รวมถึงจะเสียสิทธิ์จากการได้รับการคุ้มครองจากประกันภัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรถอีกด้วย
อายุเท่าไหร่ ถึงทำใบขับขี่ได้
กรมการขนส่งทางบก กำหนดไว้ว่าคนที่จะทำใบขับขี่ได้ จะต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ต้องรู้กฎจราจรและข้อบังคับในการใช้รถ ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอุปสรรคในการขับรถ เช่น โรคลมชัก ความดัน ฯลฯ หรือมีปัญหาทางสายตา เพราะอาจส่งผลต่อการมองป้ายหรือสัญญาณไฟจราจรนั่นเอง
เมื่อไหร่ต้องต่ออายุใบขับขี่
เมื่อใบขับขี่ชนิดชั่วคราวหมดอายุลง คนขับสามารถต่ออายุได้ล่วงหน้า 3 เดือน แต่ต้องไม่ขาดการต่ออายุเกิน 1 ปี ถ้าเกินจะต้องเข้าอบรม 5 ชั่วโมง และสอบข้อเขียนใหม่ แต่ถ้ากลัวว่าจะลืมวันต่ออายุใบขับขี่ สามารถเข้าไปเช็กข้อมูลใบขับขี่ได้จากแอปฯ ทางรัฐจะได้ไม่พลาดวันเวลาที่จะต้องไปต่อใบขับขี่
TIP BOX: เกร็ดความรู้เกี่ยวกับใบขับขี่
- ขอมีใบขับขี่ครั้งแรก ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป อายุการใช้งาน 2 ปี
- ต่ออายุรอบแรก ต่ออายุจาก 2 ปี เป็น 5 ปี
- ต่ออายุต่อทุก ๆ 5 ปี
- ใบขับขี่ตลอดชีพ มีเฉพาะรถส่วนบุคคล แต่ถูกยกเลิกไปแล้วตั้งแต่ปี 2546
การทำใบขับขี่ สำหรับคนที่ไม่เคยมีใบขับขี่มาก่อน
การทำใบขับขี่ครั้งแรก
การขอใบขับขี่ครั้งแรก หรือ การขอใบขับขี่ชนิดชั่วคราว (ขอใหม่) สามารถทำได้ ดังนี้
เอกสารที่ต้องใช้
- สำหรับคนไทย
- บัตรประชาชนฉบับจริง
- ใบรับรองแพทย์ (อายุไม่เกิน 1 เดือน)
- สำหรับชาวต่างชาติ
- หนังสือเดินทาง (Passport) พร้อมสำเนา สำหรับชาวต่างชาติ
- ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) สำหรับชาวต่างชาติ
ขั้นตอนการทำใบขับขี่
- จองคิวอบรม เป็นขั้นตอนแรกของการทำใบขับขี่ สามารถจองได้ 3 ช่องทาง คือ
- จองคิวด้วยตัวเองที่จุดบริการ
- จองคิวผ่านระบบออนไลน์ ทางแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue สามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store หรือ Google Play หรือเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก
- จองคิวทางโทรศัพท์ ผ่านหมายเลข 02-271-8888 ต่อ 4201-4 หรือ โทร 1584
- ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
- ทดสอบการมองเห็นสี (เขียว/เหลือง/แดง)
- ทดสอบสายตาทางลึก (เลื่อนเสาให้ตรงกัน)
- ทดสอบสายตาทางกว้าง (บอกสีที่ปรากฏด้านข้าง)
- ทดสอบปฏิกิริยาเท้า (ความสามารถในการใช้เท้าเหยียบเบรก)
แต่เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงเวลาของโรคระบาด จึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาของการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย สามารถเช็กที่เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบกได้โดยตรง
การอบรม เจ้าหน้าที่จะเป็นผู้อบรมให้ความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับวินัยจราจร และการขับรถ โดยจะแบ่งเป็นภาคเช้าและภาคบ่าย นอกจากนี้ ยังมีการอบรมออนไลน์ผ่านระบบ DLT-elearning ซึ่งใบอบรมจะมีอายุการใช้งาน 90 วัน
- การทดสอบข้อเขียน เป็นการทดสอบความรู้เกี่ยวกับการขับรถ และสัญญาณจราจรต่าง ๆ เป็นการทำแบบทดสอบผ่านระบบ E-exam ข้อสอบมี 4 ตัวเลือก ทั้งหมด 50 ข้อ ต้องตอบให้ถูกอย่างน้อย 45 ข้อ หากไม่ผ่านจะต้องสอบใหม่ในวันถัดไป หรือไม่เกิน 90 วันหลังการอบรม
- ทดสอบขับรถ หลังจากสอบข้อเขียนผ่านแล้ว จะต้องจองคิวสอบภาคปฏิบัติ หรือสอบท่าขับรถ มีทั้งหมด 3 ท่าบังคับ คือ
- เดินหน้าและถอยหลัง
- จอดรถเทียบทางเท้าไม่เกินป้ายหยุด
- ถอยรถเข้าซองโดยใช้ไม่เกิน 7 เกียร์
- รอรับใบขับขี่ พร้อมชำระค่าธรรมเนียม หลังจากที่ผ่านการทดสอบครบทุกอย่างแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการถ่ายรูปเพื่อพิมพ์ใบขับขี่ ซึ่งใบขับขี่ที่ได้จะเป็นแบบชั่วคราว มีอายุการใช้งาน 2 ปี
จองคิวทำใบขับขี่ผ่านแอปพลิเคชั่น
แอปพลิเคชัน DLT Smart Queue พร้อมอำนวยความสะดวก ทั้งขั้นตอนการทำใบขับขี่ การต่ออายุใบขับขี่ การชำระภาษีรถยนต์ ตลอดจนการขอใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศ เพียงทำตามขั้นตอน ดังนี้
- ดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน DLT Smart Queue สามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store หรือ Google Play
- เข้าสู่ระบบ เพียงกดเลือกตามขั้นตอน
- บัตรประชาชน > กรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อสมัครใช้งาน > สร้างรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่ระบบ
- เลือกสำนักงานขนส่งที่ต้องการจองคิวต่อใบขับขี่ โดยเลือกสาขาที่ใกล้บ้าน หรือสะดวกต่อการเดินทางไปต่ออายุใบขับขี่มากที่สุด
- เลือกประเภทงานบริการเป็น “งานใบอนุญาต”
- เลือกประเภทงานที่ต้องการเข้ารับบริการ เช่น ต่อใบขับขี่ 5 ปีเป็น 5 ปี หรือ 2 ปีเป็น 5 ปี หรือจะต่ออายุใบขับขี่รถสาธารณะ 3 ปีเป็น 3 ปี อบรมผ่านระบบ DLT-elearning เป็นต้น
- เลือกวันที่ต้องการต่อใบขับขี่
- เลือกเวลาที่ต้องการจอง
ถ้าอยากสอบขับรถให้ผ่านฉลุย นอกจากจะต้องฝึกฝนบ่อย ๆ แล้ว การเลือกใช้รถที่เราคุ้นเคย หรือใช้งานอยู่เป็นประจำ ก็จะช่วยให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น ยิ่งใช้รถยนต์ที่มีขนาดเล็กด้วยแล้ว จะยิ่งมีความคล่องตัว และผ่านการทดสอบได้ไม่ยาก
การต่ออายุใบขับขี่ชั่วคราว (2 ปี เป็น 5 ปี)
เอกสารที่ต้องใช้ในการต่อใบขับขี่
- ใบขับขี่ชั่วคราวอายุไม่ต่ำกว่า 1 ปี
- บัตรประชาชนฉบับจริง
- ใบรับรองแพทย์ (มีอายุไม่เกิน 1 เดือน)
ขั้นตอนการต่อใบขับขี่
- จองคิวอบรม สามารถไปที่จุดให้บริการของกรมขนส่งฯ ที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อยื่นเอกสารและคำขอต่ออายุใบขับขี่ หรือจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store หรือ Google Play หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก
- ตรวจสอบเอกสาร และออกคำขอ
- ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ผู้ที่ขอต่อใบขับขี่ จะได้รับการประเมินสมรรถภาพของร่างกาย โดยต้องมีการทดสอบตามหัวข้อ ต่อไปนี้
- การทดสอบการมองเห็นสี
- การทดสอบสายตาทางลึก
- การทดสอบสายตาทางกว้าง
- การทดสอบปฏิกิริยาเท้า
ดูตัวอย่างการทดสอบสมรรถภาพจากวิดีโอ
- ถ่ายรูปพิมพ์ใบขับขี่ เมื่อผ่านการทดสอบทั้งหมดแล้ว ก็ถึงเวลาชำระค่าธรรมเนียม จำนวน 505 บาท (ค่าใบขับขี่ 500 บาท และค่าคำขอ 5 บาท) พร้อมถ่ายรูปเพื่อพิมพ์ใบขับขี่
การต่ออายุใบขับขี่ชนิด 5 ปี (5 ปี เป็น 5 ปี)
- ใบขับขี่เดิม หรือใบแทน
- บัตรประชาชนฉบับจริง
- ใบรับรองแพทย์ (มีอายุไม่เกิน 1 เดือน)
ขั้นตอนการต่อใบขับขี่
- จองคิวอบรม สามารถไปที่จุดให้บริการของกรมขนส่งฯ ที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อยื่นเอกสารและคำขอต่ออายุใบขับขี่ หรือจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store หรือ Google Play หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบกที่ https://gecc.dlt.go.th
- ตรวจสอบเอกสาร และออกคำขอ
- ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ขั้นตอนการทดสอบสมรรถภาพของผู้ขอต่อใบขับขี่ชนิด 5 ปี ไม่แตกต่างกับการต่ออายุแบบชั่วคราว ซึ่งมีการทดสอบดังนี้
- ทดสอบการมองเห็นสี (เขียว/เหลือง/แดง) ของสายตา
- การเลื่อนเสาให้ตรงกัน เพื่อทดสอบสายตาทางลึก
- บอกสีด้านข้าง เพื่อทดสอบสายตาทางกว้าง
- การเหยียบเบรกจำลอง เพื่อทดสอบปฏิกิริยาทางเท้า
โดยเข้าไปดูตัวอย่าง ขั้นตอนการทดสอบสมรรถภาพ
- อบรม ผู้ขอต่อใบขับขี่ชนิด 5 ปี ต้องเข้ารับการอบรมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และในกรณีที่เข้ารับการอบรมผ่านระบบออนไลน์ สามารถรับการอบรมผ่านเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบกได้
- รอรับใบขับขี่ หากทดสอบครบทุกขั้นตอนแล้ว ก็ไปยื่นเอกสารพร้อมชำระเงิน 505 (500 บาท เป็นค่าใบขับขี่ และ 5 บาท เป็นค่าคำขอ) สามารถเช็กข้อมูลอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขับรถเพิ่มเติม ได้จากเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก แล้วถ่ายรูปเพื่อรอพิมพ์ใบขับขี่เป็นขั้นตอนสุดท้าย
หมายเหตุ: ผู้ขับขี่สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน หรือ 3 เดือน หากขาดการต่ออายุใบขับขี่ สิ้นอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี จะต้องสอบข้อเขียนใหม่ แต่ถ้าขาดการต่อใบขับขี่สิ้นอายุเกิน 3 ปี ต้องเพิ่มขั้นตอนทดสอบข้อเขียน และทดสอบการขับรถ
- ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล ไม่ต้องแจ้งความ สามารถขอทำบัตรใหม่กับกรมการขนส่งทางบกได้ทันที
- ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ ต้องไปแจ้งความ เพื่อแนบเป็นเอกสารของทำใบขับขี่ใหม่
ช่วงเวลาที่เปิดให้บริการ
การต่ออายุใบขับขี่ไม่ได้มีความยุ่งยากอย่างที่เข้าใจ หากมีการเตรียมตัวที่ดี เพราะใบขับขี่จะหมดอายุตรงกับวันที่เราทำ เราจึงมีเวลาวางแผนและเตรียมการไว้ล่วงหน้าได้ อีกทั้งยังสามารถจองคิวและอบรมออนไลน์ได้ ทำให้ช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องตื่นเช้า หรือต้องลางานเพื่อมารอต่อใบขับขี่อีกต่อไป