ใบขับขี่

จะขับรถทั้งที ต้องทำใบขับขี่ให้ถูกประเภท

นอกจากความสามารถในการขับรถ และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎจราจรแล้ว สิ่งที่คนขับรถต้องมีและเตรียมให้พร้อมก่อนนำรถออกไปวิ่งบนท้องถนน คือ ใบขับขี่ หรือใบอนุญาต ที่ช่วยยืนยันว่าคนที่เป็นเจ้าของใบขับขี่สามารถขับรถได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งใบขับขี่สามารถแบ่งได้หลายลักษณะและการใช้งาน บทความนี้ชวนมาทำความรู้จักใบขับขี่ให้มากขึ้นว่ามีกี่ประเภท และแตกต่างกันอย่างไร เพื่อจะได้ใช้งานใบขับขี่ได้อย่างถูกต้อง และไม่ผิดกฎจราจร

Link ที่เกี่ยวข้อง

ชนิดของใบขับขี่

ใบขับขี่ สามารถแบ่งตามชนิด และรูปแบบการใช้งานของยานพาหนะ โดยแบ่งเป็น 11 ชนิด คือ

ชนิด
ประเภท
รายละเอียด
1.ใบขับขี่รถชนิดชั่วคราว
ประเภท บ.
ในตอนแรกที่ไปทำใบขับขี่ ผู้ขอทำใบขับขี่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นรถชนิดใดก็ตาม จะได้รับเพียงใบขับขี่แบบชั่วคราวก่อน ซึ่งมีอยู่ 3 ประเภท
  • ใบขับขี่รถยนต์ชั่วคราว
  • ใบขับขี่ขับรถยนต์สามล้อชั่วคราว
  • ใบขับขี่ขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว
โดยใบขับขี่ประเภทนี้มีอายุการใช้งาน 2 ปี สามารถทำได้เมื่อมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
2.ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล
ประเภท บ.
เมื่อใช้งานใบขับขี่รถยนต์ประเภทชั่วคราวจนครบอายุการใช้งานแล้ว สามารถนำใบขับขี่มาต่ออายุเป็นใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลที่มีอายุการใช้งาน 5 ปี
3.ใบขับขี่รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล
ประเภท บ.
มีเงื่อนไขคล้าย ๆ ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล คือ ทำครั้งแรกจะได้ใบขับขี่แบบชั่วคราวก่อน เมื่อแบบชั่วคราวหมดอายุ สามารถต่อเป็นใบขับขี่แบบ 5 ปีได้
4.ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ประเภท บ.
สามารถทำได้เมื่อมีอายุ 20 ปีขึ้นไป และต้องได้รับใบขับขี่รถจักรยานยนต์แบบชั่วคราวมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
5.ใบขับขี่สากล หรือใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ
ประเภท บ.
ใบขับขี่สากล เป็นใบขับขี่ที่อนุญาตให้ขับรถได้ตามความตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาค ไม่มีการกำหนดอายุขั้นต่ำในการทำ แต่ต้องมีใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลมาแล้ว และมีสำเนาหนังสือเดินทางประกอบ จึงจะสามารถยื่นเรื่องทำใบขับขี่สากลได้ ใบขับขี่ชนิดนี้มีอายุ 1 ปี สามารถใช้ได้ในประเทศที่ยอมรับใบขับขี่สากล ได้ที่นี่
6.ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ
ประเภท ท.
เป็นใบขับขี่สำหรับคนที่ประกอบอาชีพขับรถสาธารณะ เช่น ขับแท็กซี่ บริการรถยนต์ส่วนตัว (GrabCar) คนขับรถส่งของ เป็นต้น โดยต้องได้รับใบขับขี่รถยนต์ชั่วคราวมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือมีใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลอยู่แล้ว และสามารถทำได้เมื่อมีอายุ 22 ปีขึ้นไป
7.ใบขับขี่รถยนต์สามล้อสาธารณะ
ประเภท ท.
ใบขับขี่รถสามล้อ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ รถตุ๊กตุ๊ก มีเงื่อนไขว่าต้องทำใบขับขี่แบบชั่วคราวก่อน เช่นกันกับใบขับขี่ของรถยนต์ และจะมีอายุการใช้งานได้ 5 ปีเช่นกัน
8.ใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ
ประเภท ท.
คนที่จะทำใบขับขี่ชนิดนี้ได้ จะต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ และมีใบขับขี่จักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราวมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยใบขับขี่มีอายุการใช้งาน 3 ปี คนที่ทำงานเป็นไรเดอร์ ขับรถส่งของ ส่งอาหาร ต้องมีใบขับขี่ประเภทนี้
9.ใบขับขี่รถบดถนน
ประเภท ท.
สำหรับใบขับขี่รถบดถนนนั้น ผู้ขับจะต้องผ่านการอบรมหลักสูตรพิเศษต่างๆ เช่น หลักสูตร กฎหมายที่เกี่ยวข้อง (กฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายว่าด้วยทางหลวง และกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก) เพื่อให้สามารถใช้งานรถบดถนนที่มีความอันตรายสูงได้อย่างปลอดภัย โดยใบขี่ประเภทนี้ สามารถทำได้เมื่อมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
10.ใบขับขี่รถแทรกเตอร์
ประเภท ท.
ใบขับขี่สำหรับขับรถแทรกเตอร์ คนขับจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ และใบขับขี่จะมีอายุการใช้งาน 5 ปี
11.ใบขับขี่รถชนิดอื่นนอกจาก (1) - (9)
ประเภท ท.
ใบขับขี่ประเภทนี้คือใบอนุญาตสำหรับผู้ขอขับรถชนิดอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวมาในข้อ 1 ถึง ข้อ 9 เช่น รถใช้งานเกษตรกรรม เป็นต้น ซึ่งใบขับขี่ประเภทนี้มีอายุการใช้งาน 5 ปีเช่นเดียวกัน

จองคิวทำใบขับขี่ล่วงหน้า ผ่านระบบออนไลน์

การขอใบขับขี่และต่อใบขับขี่สามารถทำได้ที่สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ และได้เพิ่มช่องทางในการรับบริการทางออนไลน์ขึ้น โดยให้จองล่วงหน้าผ่าน แอปฯ DLT Smart Queue เพื่อความสะดวกสบายในการใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการทำใบขับขี่ การต่ออายุใบขับขี่ การชำระภาษีรถยนต์ และการขอใบขับขี่ระหว่างประเทศ โดยสามารถเลือกวันเวลาที่สะดวกได้

สำหรับการต่อใบขับขี่ ณ จุดบริการ จะต้องทำการจองคิวล่วงหน้า ผ่านแอปพลิเคชั่น DLT Smart Queue Google play, iOS หรือผ่านเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบกก่อนเช่นกัน แล้วจึงเดินทางไปที่สำนักงานขนส่งเพื่อใช้บริการ

นอกจากนี้ ยังสามารถอบรมออนไลน์ผ่านระบบDLT e-learningเพียงเข้าไปกรอกข้อมูล และรับการอบรมผ่านทางออนไลน์ ได้ทุกที่ ทุกเวลา

ปัจจุบันมีผู้เข้ารับบริการทำใบขับขี่ค่อนข้างหนาแน่น และด้วยในยุค New Normal และ การ Social Distancing ที่จำกัดจำนวนผู้รับบริการเพื่อความปลอดภัยจากโรคระบาด COVID-19 จึงเป็นการดีที่จะต้องจองคิวผ่านระบบออนไลน์ไปก่อน เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

เตรียมพร้อมไปให้ครบ เสร็จจบในรอบเดียว

ก่อนจะไปขอหรือต่อใบขับขี่ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อความรวดเร็วในการรับบริการ ในการทำใบขับขี่ ต้องใช้เอกสาร 2 อย่างเท่านั้น คือ บัตรประชาชน และ ใบรับรองแพทย์ที่ออกไม่เกิน 30 วัน
การต่อใบขับขี่ใช้เอกสารเหมือนกันกับการทำใบขับขี่ครั้งแรก เพียงแค่มีใบขับขี่ฉบับเดิมเพิ่มเข้ามา
เอกสารทำใบขับขี่ใหม่
เอกสารต่อใบขับขี่
1.บัตรประชาชนตัวจริง 1.บัตรประชาชนตัวจริง
2.ใบรับรองแพทย์ขอไว้ไม่เกิน 1 เดือน 2.ใบรับรองแพทย์ขอไว้ไม่เกิน 1 เดือน
3.ใบขับขี่เดิม

ใบขับขี่หาย ไม่ต้องตกใจ และไม่ต้องแจ้งความ สามารถจองคิวผ่านแอปฯ DLT Smart Queue หรือแอปฯ ทางรัฐ พื่อขอทำใบขับขี่ใบใหม่ได้เลย โดยไม่ต้องไปแจ้งถามให้ยุ่งยาก แต่ถ้าเป็น ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะหาย ยังต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเหมือนเดิม แล้วนำใบแจ้งความไปยื่นเป็นเอกสารเพื่อขอทำใบขับขี่ใบใหม่

การจะนำรถยนต์ออกมาวิ่งบนท้องถนนได้นั้น คนขับต้องมีใบขับขี่ที่ตรงกับประเภทการใช้งานก่อนเป็นอย่างแรก เพื่อให้การใช้รถบนท้องถนนมีความปลอดภัยและถูกต้องตามข้อกฎหมาย อีกทั้งยังทำให้ผู้ขับขี่ได้รับความคุ้มครองเมื่ออยู่บนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นการไม่โดนปฏิเสธการจ่ายค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ การได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.รถยนต์ หรือการยืนยันตัวตนเมื่อตำรวจจราจรขอดูใบขับขี่ เป็นต้น แต่การมีใบขับขี่อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ยังต้องเพิ่มความระมัดระวัง และมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนเพื่อความปลอดภัยของทุกคนด้วย

Link ที่เกี่ยวข้อง

คุณให้คะแนนบทความนี้เท่าไหร่

Sending

ขอบคุณสำหรับคะแนน
ต้องการแนะนำเพิ่มเติมหรือไม่ ?

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ

แชร์ข้อมูลหรือคำแนะนำเพิ่มเติม ?

ความเห็นของคุณสำคัญกับเรา เพื่อปรับปรุงคุณภาพบทความ ให้มีประโยชน์กับทุกๆคนมากขึ้น
Sending

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สพร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สพร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ สพร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ สพร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ สพร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ สพร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของ สพร. จดจำตัวเลือกต่าง ๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วยให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ เช่น ช่วยจดจำชื่อบัญชีผู้ใช้งานของท่าน หรือจดจำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าขนาดฟอนต์หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ของหน้าเพจซึ่งท่านสามารถปรับแต่งได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ สพร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ สพร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า