ไม่ง่ายเลยกว่าจะขับวินมอเตอร์ไซค์รังจ้างเป็นอาชีพได้ หลายคนเชื่อว่าการขับวินนั้นรายได้ดี แต่รู้หรือไม่ว่าก่อนจะได้ขับวินต้องจัดการหลายอย่าง เสื้อวินก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อมาใส่กันได้เลย ต้องมีค่าใช้จ่ายไม่น้อย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีใบขับขี่สาธารณะ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงว่าคนขับมีความสามารถในการใช้รถบนท้องถนนได้ ตามกฏหมาย แล้วใบขับขี่ที่ว่าคืออะไร? ถ้าสนใจอยากขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ไปศึกษาวิธีการและกฏระเบียบต่างๆ ได้ในบทความนี้
Link ที่เกี่ยวข้อง
ทำไมต้องทำใบขับขี่สำหรับวินมอเตอร์ไซค์
การขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือ วินมอเตอร์ไซค์ เป็นการขับรถรับจ้างเช่นเดียวกับการขับรถแท็กซี่ รถสามล้อ รถตู้ หรือรถสองแถว ใบขับขี่ที่ใช้จึงมีความแตกต่างกัน เพราะคนที่ต้องการขับรถวินมอเตอร์ไซค์ จะต้องมีใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะเพื่อยืนยันว่าสามารถขับรถได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และขับรถถูกประเภท เพราะไม่สามารถนำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมาใช้แทนกันได้
แต่การจะทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะได้ จะต้องมีใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมาแล้วเกิน 1 ปี จึงจะสามารถขอทำใบขับขี่เพื่อขับรถวินมอเตอร์ไซค์ได้

ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ทั้งส่วนบุคคล และสาธารณะ ใช้แทนกันได้ไหม?
แม้ว่าจะเป็นใบขับขี่รถจักรยานยนต์เหมือนกัน แต่ไม่สามารถนำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล มาใช้ขับรับส่งผู้โดยสารแทนใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะได้ เพราะใช้สำหรับขับขี่ส่วนบุคคลเท่านั้น หากต้องการนำมาขับรับจ้างขนส่งผู้โดยสาร จะต้องใช้ใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก
บัตรประจำตัวคนขับรถ ตรวจสอบให้ดี ก่อนทำใบขับขี่
- ต้องได้รับใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
- มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และมีสัญชาติไทย
- มีความรู้ความสามารถในการขับรถ
- มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องกฏจราจร
- ไม่เป็นผู้พิการ และไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอันตรายในการขับขี่ เช่น โรคลมชัก กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต
- ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบขับขี่
- ไม่เป็นผู้มีโรคติดต่อน่ารังเกียจตามที่กำหนดในกฎกระทรวง เช่น โรคเท้าช้าง วัณโรค
- ไม่เป็นผู้ติดสุราหรือยาเสพติด
- ไม่เคยต้องโทษ หรือถูกปรับตั้งแต่สองครั้งขึ้นไปในความผิดเกี่ยวกับการขับรถ เว้นแต่จะพ้นโทษครั้งสุดท้าย ไม่น้อยกว่า 6 เดือนแล้ว
- กรณีเคยรับโทษ มีหลักเกณฑ์ดังนี้
- a. รับโทษมาไม่เกิน 3 เดือน ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 6 เดือน
b. รับโทษมาไม่เกิน 3 เดือน (คดีเกี่ยวกับการใช้รถ) ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 1 ปี
c. รับโทษมาเกิน 3 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 1 ปี 6 เดือน
d. รับโทษมาเกิน 3 ปี ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 3 ปี
อยากมีใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้องทำยังไง
การเตรียมเอกสารสำหรับทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ทั้งการทำใบขับขี่ และการต่อใบขับขี่ มีเอกสารที่ต้องใช้ ดังนี้
1.ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราวที่ได้รับมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี พร้อมสำเนา 1 ฉบับ | 1.ใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ พร้อมด้วยสำเนา 1 ฉบับ |
2.บัตรประชาชนฉบับจริง | 2.บัตรประชาชนฉบับจริง |
3.ใบรับรองแพทย์ที่ขอมาไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งระบุว่าผู้ขอไม่มีโรคประจำตัวที่อาจเป็นอันตรายขณะขับรถ และไม่เป็นบุคคลวิกลจริต | 3.ใบรับรองแพทย์ที่ออกให้ไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งระบุว่าผู้ขอไม่มีโรคประจำตัวที่อาจเป็นอันตรายขณะขับรถ และไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน |
- กรณีใบอนุญาตขับรถสาธารณะที่นำมายื่น หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี จะต้องสอบข้อเขียนใหม่
- กรณีใบอนุญาตสาธารณะที่นำมายื่น หมดอายุเกิน 3 ปี จะต้องสอบข้อเขียนและสอบปฏิบัติใหม่
สะดวกสบายทำได้ทุกจุดบริการ
ใครที่ต้องการทำใบขับขี่รถจักร์ยานยนต์สาธารณะต้องทำการจองคิวล่วงหน้า ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือผ่านแอปทางรัฐฯ โดยเลือกวัน เวลา และสำนักงานขนส่งส่วนภูมิภาคสาขาที่อยู่ใกล้บ้านได้
นอกจากนี้ ผู้ทำใบขับขี่ประเภทนี้จะต้องผ่านการตรวจสอบความประพฤติหรือประวัติอาชญากรเพิ่มเติม โดยมีขั้นตอนการยื่นเรื่องขอ/ต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะมีดังนี้
- ตรวจสอบหลักฐานและยื่นเอกสาร จัดเตรียมเอกสารประกอบคำขอ แล้วขอทำหนังสือเพื่อจะนำไปยื่นตรวจสอบประวัติอาชญากรซึ่งผู้ขอจะต้องนำหนังสือไปยื่นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- ทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย
- ขอตรวจประวัติอาชญากรรม ผู้ขอทำใบขับขี่ จะต้องนำหนังสือที่กรมการขนส่งฯ ออกให้ ไปยื่นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยตัวเอง มีระยะเวลาดำเนินการอย่างน้อย 15 วัน
- อบรมตามนัดหมายเป็น 3 ชั่วโมงสำหรับรถจักรยานยนต์ จากนั้นสอบภาคทฤษฎี โดยจะต้องสอบให้ได้ 18 คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน
- รอผลการตรวจสอบประวัติอาชญากร (30 วันทำการ) หากผลการตรวจสอบประวัติปรากฏว่าไม่พบประวัติอาชญากรรม ก็ถือว่าผ่านขั้นตอนครบถ้วนถูกต้องแล้ว
- ผู้ขอชำระเงินค่าธรรมเนียม จากนั้นสำนักงานฯ จะพิมพ์ใบอนุญาตขับขี่และออกใบอนุญาตขับขี่ให้ จึงเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ และออกรับผู้โดยสารได้อย่างมั่นใจ
การทำใบขับขี่รถสาธารณะนั้นจะมีความยุ่งยากกว่าการทำใบขับขี่ประเภทส่วนบุคคล ทั้งขั้นตอนและเอกสารต่าง ๆ ที่ใช้ในการขอ หากต้องการทำใบขับขี่ประเภทนี้จึงควรเช็กข้อมูลและเตรียมตัวให้พร้อม จะได้ทำครั้งเดียวผ่านฉลุย เพื่อให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนตสาธารณะตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิต ทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการนั่นเอง