ประกันสังคม

อยากขับรถเป็นอาชีพ ต้องมีใบขับขี่รถสาธารณะ!

การจะนำรถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ หรือรถสามล้อมาขับรับจ้างได้นั้น นอกจากต้องมีความสามารถในการขับรถ และเข้าใจกฎจราจรเป็นอย่างดีแล้ว จะต้องมีใบขับขี่ที่ใช้สำหรับการขับรถประเภทนั้น ๆ โดยเฉพาะด้วย เช่น ใบขับขี่แท็กซี่ เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใบขับขี่รถสาธารณะเป็นสิ่งสำคัญที่คนขับรถรับจ้างทุกคนต้องมี แม้จะเป็นเอกสารที่คล้ายกันกับใบขับขี่รถส่วนบุคคล แต่ก็มีความแตกต่างที่คนขับรถสาธารณะทุกคนต้องรู้ ส่วนจะมีขั้นตอนและวิธีการทำใบขับขี่สาธารณะอะไรบ้างนั้น อ่านรายละเอียดทั้งหมดจากบทความนี้ได้เลย

Link ที่เกี่ยวข้อง

ใบขับขี่รถสาธารณะ คืออะไร?

ใบขับขี่สาธารณะ คือ เอกสารที่ผู้ขับรถสาธารณะต่าง ๆ เช่น แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ และรถสามล้อ ฯลฯ ต้องมีติดตัวไว้ทุกครั้งในการเดินทาง โดยเฉพาะเวลาที่เจ้าหน้าที่ขอตรวจ จะได้มีเอกสารเอาไว้ใช้ยืนยันว่ามีความสามารถในการขับขี่ และได้รับอนุญาตให้ขับรถได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าวันไหนลืมพกใบขับขี่ติดตัวก็ไม่เป็นปัญหา เพราะสามารถใช้ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์แทนได้ แสดงเป็นหลักฐานยืนยันตัวกับเจ้าหน้าที่ได้เช่นกัน
ใบขับขี่สาธารณะมีอายุการใช้งานเท่ากัน 3 ปี และมีอยู่ 3 ประเภท คือ
  1. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ
  2. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ  
  3. ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ

ใครบ้างที่ทำใบขับขี่รถสาธารณะ ใบขับขี่แท็กซี่ได้

คนที่จะทำใบขับขี่รถสาธารณะได้ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

  1. มีใบขับขี่รถส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ มาไม่น้อยกว่า 1 ปี เช่น รถยนต์ส่วนบุคคล รถสามล้อส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
  2. ทำใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ เช่น ใบขับขี่แท็กซี่ และรถยนต์สามล้อสาธารณะ ต้องมีอายุ 22 ปีขึ้นไป ส่วนใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป
  3. มีความสามารถในการขับรถ และเข้าใจกฏจราจร
  4. ไม่มีโรคประจำตัว และร่างกายไม่พิการจนไม่สามารถขับรถได้
  5. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
  6. ไม่อยู่ระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบขับขี่
  7. ไม่เคยมีคดีเกี่ยวกับการขับรถ หรือโดนปรับตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป
  8. ไม่เคยต้องโทษจำคุกในคดีต่าง ๆ แต่หากเคยรับโทษ ต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่กำหนด ดังนี้
    • กรณีจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 6 เดือน
    • กรณีจำคุกเกิน 3 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 1 ปี 6 เดือน
    • กรณีจำคุกเกิน 3 ปี ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 3 ปี
    • กรณีอื่น ๆ เช่น โดนปรับ รอลงอาญา รอขึ้นศาล ต้องมีเอกสารทางคดีจากสถานีตำรวจมายืนยันชี้แจงเกี่ยวกับคดีความ
ประกันสังคม

ขั้นตอนเหมือนเดิม เพิ่มเติมแค่ตรวจประวัติ

การทำใบขับขี่สาธารณะมีขั้นตอน ดังต่อไปนี้

    1. จองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก หรือผ่านแอปฯ ทางรัฐ (จองคิวอบรมใบขับขี่)
    2. ยื่นเอกสารและคำขอ
    3. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย เช่น ทดสอบการมองเห็นสีที่จำเป็นในการขับรถ ทดสอบสายตาทางลึก ทดสอบสายตาทางกว้าง และทดสอบปฏิกิริยาเท้า (ความสามารถในการใช้เบรกเท้า)
    4. รับการอบรม
      • รถยนต์สาธารณะ และ รถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้เวลาอบรม 5 ชั่วโมง
        รถจักรยานยนต์สาธารณะ อบรม 3 ชั่วโมง
      • รถยนต์สาธารณะ และ รถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้เวลาอบรม 5 ชั่วโมง
        รถจักรยานยนต์สาธารณะ อบรม 3 ชั่วโมง
    5. การสอบข้อเขียน โดยจะต้องสอบให้ได้ 28 คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน
    6. ขอตรวจสอบความประพฤติ หรือประวัติอาชญากร นำหนังสือที่ได้จากกรมการขนส่งทางบกไปยื่นที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยตนเอง เพื่อดำเนินการตรวจประวัติ โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 15-45 วัน โดยจะได้รับการแจ้งผลตรวจทางข้อความ SMS และผลตรวจจะถูกส่งไปที่กรมการขนส่งโดยอัตโนมัติ
    7. ชำระค่าธรรมเนียม  (ปิดชำระค่าธรรมเนียม 15.30 น.)
    8. ถ่ายรูปพิมพ์ใบขับขี่ และรอรับใบขับขี่สาธารณะ

ผู้ขอสามารถไปทำใบขับขี่ได้ที่ สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ โดยเช็กรายชื่อได้จากเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบกโดยการทำใบขับขี่รถสาธารณะจะใช้เวลานานกว่าการทำใบขับขี่ส่วนบุคคล แต่ไม่เกิน 2 เดือน เพราะมีขั้นตอนการตรวจประวัติอาชญากรรมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติรวมอยู่ด้วย

เอกสารที่ใช้ในการทำใบขับขี่

เอกสารที่ใช้สำหรับการทำใบขับขี่รถสาธารณะ ทั้งการขอใหม่ การต่อใบขับขี่ และกรณีใบขับขี่หาย มีดังนี้
การทำใบขับขี่รถสาธารณะ (ขอใหม่) การต่อใบขับขี่รถสาธารณะ กรณีใบขับขี่รถสาธารณะหาย
  1. ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ เช่น ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ใบขับขี่รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล
  2. บัตรประชาชนตัวจริง
  3. ใบรับรองแพทย์ขอไว้ไม่เกิน 1 เดือน
  1. ใบขับขี่สาธารณะของเดิม
  2. บัตรประชาชนตัวจริง
  3. ใบรับรองแพทย์ขอไว้ไม่เกิน 1 เดือน
  1. ใบแจ้งความ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นคำร้องขอทำใบขับขี่ใหม่
  2. บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง

ขั้นตอนการทำใบขับขี่สาธารณะแบบขอใหม่ กับการต่อใบขับขี่ มีขั้นตอนที่ต่างกันไม่มาก เช่น เอกสารที่ต้องเตรียม การสอบข้อเขียน (การต่อใบขับขี่ ไม่มีการสอบข้อเขียน) แต่หากใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สาธารณะเกิดหาย จะต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ หรือแจ้งความออนไลน์ เพื่อนำใบแจ้งความมาใช้เป็นเอกสารในการขอออกใบขับขี่ใหม่

สิ่งที่ต้องระมัดระวัง คือ ระยะเวลาในการต่อใบขับขี่ก่อนหมดอายุ โดยต้องไม่ปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี หากเกิน 1 ปีไปแล้ว แต่ยังไม่ถึง 3 ปี ต้องทดสอบข้อเขียนอีกครั้ง และในกรณีที่หมดอายุเกิน 3 ปี ต้องเริ่มต้นทำใหม่หมดเหมือนการทำใบขับขี่ครั้งแรก

เมื่อได้รู้ขั้นตอนของการขอรับใบขับขี่สาธารณะแล้ว ก่อนที่จะไปทำใบขับขี่เราต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เพื่อความรวดเร็ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าขั้นตอนในการทำจะมีความแตกต่างจากการทำใบขับขี่ส่วนบุคคลเล็กน้อย ตรงที่มีการเพิ่มขั้นตอนในการตรวจสอบประวัติอาชญกรรมเข้ามา ทั้งนี้ผู้ขับขี่รถสาธารณะทุกคนจะต้องมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะให้ตรงกับประเภทของรถ เช่น คนขับรถแท็กซี่ก็ต้องมีใบขับขี่แท็กซี่โดยเฉพาะ เพื่อความถูกต้องและปลอดภัยของทั้งตัวผู้ขับและผู้โดยสารนั่นเอง

Link ที่เกี่ยวข้อง

คุณให้คะแนนบทความนี้เท่าไหร่

Sending

ขอบคุณสำหรับคะแนน
ต้องการแนะนำเพิ่มเติมหรือไม่ ?

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ

แชร์ข้อมูลหรือคำแนะนำเพิ่มเติม ?

ความเห็นของคุณสำคัญกับเรา เพื่อปรับปรุงคุณภาพบทความ ให้มีประโยชน์กับทุกๆคนมากขึ้น
Sending

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สพร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สพร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ สพร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ สพร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ สพร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ สพร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของ สพร. จดจำตัวเลือกต่าง ๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วยให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ เช่น ช่วยจดจำชื่อบัญชีผู้ใช้งานของท่าน หรือจดจำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าขนาดฟอนต์หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ของหน้าเพจซึ่งท่านสามารถปรับแต่งได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ สพร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ สพร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า