จ่ายประกันสังคมไว้ ช่วยได้มากกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะได้ประโยชน์ทั่วไป เช่น เงินชดเชยว่างงาน เงินกรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ หรือกรณีชราภาพงาน ไปจนถึงเงินชดเชยการเสียชีวิตแล้ว หากเกิดเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ขึ้นมาก็จะได้รับการดูแลค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล ซึ่งครอบคลุมมากถึง 26 โรคด้วยกัน บทความนี้จะมาเจาะลึกถึงสิทธิรักษาพยาบาลนั้นว่าใช้กับโรคอะไรได้บ้าง รู้รายละเอียดไว้จะได้ไม่พลาดสิทธิการรักษา
Link ที่เกี่ยวข้อง
สิทธิประโยชน์จากประกันสังคม กรณีเจ็บป่วย
หากผู้ประกันตนทุกมาตรานำส่งเงินสมทบครบ 3 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่ป่วย ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการเข้ารักษาพยาบาลโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และไม่ต้องสำรองจ่ายเมื่อเข้ารักษาในโรงพยาบาลตามที่ต้องการเลือกใช้สิทธิ ซึ่งหากผู้ประกันตนที่ยังไม่ชัวร์ว่าได้เลือกโรงพยาบาลใดไป สามารถเช็กสถานพยาบาลที่ได้รับสิทธิได้ที่นี่ หรือโทรสายด่วน 1506
เมื่อต้องไปใช้บริการทางการแพทย์ เอกสารสำคัญเพียงอย่างเดียวที่ต้องนำติดตัวไปก็คือ บัตรประชาชน ส่วนคนต่างด้าวต้องเตรียมบัตรประกันสังคมและหนังสือเดินทางไปด้วย โดยความคุ้มครองของผู้ประกันตนแต่ละมาตรานั้น จะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร มาหาคำตอบได้จากตารางเปรียบเทียบนี้กันได้เลย
ลักษณะของผู้ประกันตน | ลูกจ้างตามบริษัททั่วไป | เคยเป็นผู้ประกันตน ม. 33 แต่ออกจากงาน | อาชีพอิสระ |
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ | ทางเลือก 1
|
รักษาที่อื่นได้ไหม ใช้ในกรณีไหนได้บ้าง
โดยทั่วไปผู้ประกันตนจะเข้ารับการรักษาได้เฉพาะโรงพยาบาลที่เลือกไว้ แต่หากเกิดเหตุประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินขึ้น เช่น ประสบอุบัติเหตุ แล้วอยู่ต่างพื้นที่ ไม่สามารถไปโรงพยาบาลที่เลือกไว้ได้ ก็สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ได้ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน โดยกรณีนี้ผู้ประกันตนสำรองจ่ายไปก่อน ก็สามารถมาทำเรื่องขอเบิกเงินคืนจากสำนักงานประกันสังคมตามอัตราที่กำหนดได้ในภายหลัง
26 โรคเรื้อรังที่ประกันสังคมจ่ายให้
หากเจ็บไข้ได้ป่วยด้วย 26 โรคเรื้อรังต่อไปนี้ ผู้ประกันตนทุกมาตราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลอีกต่อไป เพราะสำนักประกันสังคมจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลและค่าบริการทางการแพทย์ให้ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน
- โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus)
- โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- โรคตับอักเสบเรื้อรังและโรคตับแข็ง (Chronic hepatitis, Cirrhosis of liver)
- โรคภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive heart failure)
- โรคเส้นเลือดสมองแตก/อุดตัน (Cerebrovascular accident)
- โรคมะเร็ง (Malignancy)
- โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS)
- โรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema)
- โรคไตวายเรื้อรัง (Chronic renal failure)
- โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease)
- โรคมายแอสทีเนีย เกรวิส (Myasthenia gravis)
- โรคเบาจืด (Diabetes insipidus)
- โรคมัลติเพิล สเคลอโรลิส (Multiple sclerosis)
- โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
- โรคต้อหิน (Glaucoma)
- โรคไต เนฟโฟรติค (Nephrotic syndrome)
- โรคลูปัส (SLE)
- โรคเลือดอะพลาสติก (Aplastic anemia)
- โรคทาลาสซีเมีย (Thalassemia)
- โรคฮีโมฟิลเลีย (Hemophilia)
- โรคเรื้อนกวาง (Psoriasis)
- โรคผิวหนังพุพองเรื้อรัง (Chronic vesiculobullous disease)
- โรคเลือดไอทีพี (ITP)
- โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Thyrotoxicosis)
- โรคจิตตามบัญชีจำแนกโรคระหว่างประเทศฉบับแก้ไขครั้งที่ 10 (ICD 10)
โรคยกเว้นที่ไม่สามารถใช้สิทธิได้
โรคภัยไข้เจ็บมีมากมาย แต่ไม่ใช่ทุกโรคที่สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ เพราะทางสำนักงานประกันสังคมได้กำหนดไว้ว่ามีโรคและ บริการทางการแพทย์ที่ใช้สิทธิรักษาไม่ได้ 14 อย่าง ประกอบด้วย
- โรคหรือการเจ็บป่วยและได้รับอันตราย จากการใช้สารเสพติด
- โรคที่ต้องใช้ระยะเวลารักษาตัวในโรงพยาบาล (คนไข้ใน) เกิน 180 วันใน 1 ปี
- การบำบัดทดแทนไต กรณีไตวายเรื้อรังที่ไม่ใช่ระยะสุดท้าย
*ยกเว้น กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ให้มีสิทธิได้รับบริการทางการแพทย์โดยการบำบัดทดแทนไต ด้วยวิธี
– การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
– การล้างช่องท้องด้วยน้ำยาอย่างถาวร
– การปลูกถ่ายไต * - การกระทำใด ๆ เพื่อเสริมความงามโดยไม่มีเหตุผลทางการแพทย์
- การรักษาที่ยังอยู่ในระหว่างการค้นคว้าทดลอง
- การรักษาภาวะมีบุตรยาก
- การตรวจเนื้อเยื่อเพื่อการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ
*ยกเว้น การตรวจเนื้อเยื่อเพื่อการปลูกถ่ายไขกระดูก* - การตรวจใด ๆ ที่เกินกว่าความจำเป็นในการรักษาโรคนั้น
- การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ
* ยกเว้น
– การปลูกถ่ายไขกระดูก ผ่านสถานพยาบาลที่คณะกรรมการการแพทย์รับรอง และได้ทำความตกลงไว้กับสำนักงานในการให้บริการทางการแพทย์
– การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะกระจกตา - การเปลี่ยนเพศ
- การผสมเทียม
- การบริการระหว่างรักษาตัวแบบพักฟื้น
- ทันตกรรม
* ยกเว้น การถอนฟัน การอุดฟัน การขูดหินปูน และผ่าฟันคุด มีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น แต่ไม่เกิน 300 บาทต่อครั้ง และไม่เกิน 600 บาทต่อปี กรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้มีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,500 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี * - แว่นตา
ผู้ประกันตนอย่าลืมเช็กให้ชัวร์ก่อนไปทำการรักษา เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
สิทธิตรวจสุขภาพฟรีกว่า 14 รายการ
นอกจากจะได้สิทธิประโยชน์ในการรักษาพยาบาลแล้ว การนำส่งเงินสบทบของผู้ประกันตนทุกมาตราอย่างสม่ำเสมอ ผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 ยังได้สิทธิในการตรวจสุขภาพฟรีกว่า 14 รายการ เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิดี ๆ นี้ไป ผู้ประกันตนสามารถเช็กโรคและบริการที่ร่วมรายการได้จากตารางนี้
|
||
|
||
|
||
|
||
|
||
|
||
|
||
|
||
|
||
|
||
|
||
|
||
|
||
|
||
|
หากผู้ประกันตนต้องการตรวจสุขภาพตามรายการในตาราง ก็สามารถไปตรวจได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลในเครือประกันสังคมที่ร่วมโครงการ
เมื่อได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิรักษาพยาบาลที่ผู้ประกันตนจะได้รับไปแล้ว หากวันใดวันหนึ่งมีเกิดเหตุให้ต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก็ไม่ต้องรู้สึกกังวลกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เพราะการมีประกันสังคมก็สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่ง เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยก็ยังมีสำนักงานประกันสังคมคอยดูแลอยู่เคียงข้าง